ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการและ อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่ โดย กรมอุตุนิยมวิทยาเผยแพร่ข้อมูลเรื่องคาดหมายค่าดัชนีความร้อนสูงสุดรายวัน ช่วงวันที่ 4-6 มี.ค.2567 โดยระบุว่า ค่าดัชนีความร้อน คือ ความร้อนที่ร่างกายมนุษย์ปกติรู้สึกได้ในขณะนั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิอากาศและความชื้น สัมพัทธ์ที่ตรวจวัดได้ ณ เวลานั้น ๆ โดยพื้นที่ จังหวัดชลบุรี มีค่าดัชนีความร้อน 51.4 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในเกณฑ์อันตราย ต่อการเป็นโรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก บ่งบอกถึงสภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อทั้ง สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สุขภาพ หรือเรียกได้ว่าทุกมิติในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบางของทุกสังคม ที่อาจกระทบหนักกว่ากลุ่มอื่น ๆ สืบเนื่องจากความไม่พร้อมในการรับมือ ในหลาย ๆ ด้านต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป จนเกิดคำว่า “ความเปราะบางจากสภาพอากาศ” (Climate Vulnerability) โดย คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ICCP) คือ ระดับความเสี่ยงของระบบหรือกลุ่มที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนชุมชนที่เปราะบางมักมีความเสี่ยงและความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลต่อสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ โดยผลกระทบขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ทรัพยากร สังคม และเศรษฐกิจ
หากพิจารณาในกลุ่มเปราะบางในสังคมไทย ทั้งกลุ่มเด็ก เยาวชน กลุ่มวัยผู้ใหญ่ ล้วนได้รับผลกระทบจากสภาวการณ์โลกร้อนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นเกษตรกร ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง ที่ไม่แน่ชัดว่ามีจำนวนแค่ไหนและได้รับผลกระทบหนักหนาสาหัสขนาดไหน เรื่องนี้ต้องมีการทำงานวิจัยเป็นจริงเป็นจังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นนโยบายแก้ปัญหาและบรรเทาสถานการณ์กันต่อไป
?? ร้อนตับแตก !! “กลุ่มเปราะบาง” กระทบหนัก ??
Share on facebook
Share on Facebook
Share on twitter
Share on Twitter
Share on linkedin
Share on Linkdin
Share on pinterest
Share on Pinterest